การจัดเป้เดินทาง ขอย้ำว่าไม่ควรนำของไปมากมายนัก ให้เตรียมเฉพาะที่จำเป็นจริง ๆ หลายคนอาจจะบอกว่าก็สำคัญทั้งนั้น จึงขอแนะนำว่าแบบคร่าว ๆ เพื่อให้เห็นภาพกว้าง ๆ เช่น เสื้อผ้า ควรมีทั้งขาสั้น ขายาว เสื้อแขนยาว แขนสั้น หรือชุดสำหรับเล่นน้ำหากไปทะเล หมวก หากขึ้นเขาที่มีอากาศหนาว ต้องเตรียมชุดนอนที่มิดชิด เสื้อกันหนาวแบบอุ่นและเบา ที่พลาดไม่ได้ คือ ยาประจำตัว แว่นกันแดด ครีมกันแดด ยาทากันแมลง เป็นต้น เอาไปให้น้อยชิ้นที่สุด ทว่าใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด อาจต้องซักบ้างถ้าไปหลายวัน หากแค่อาทิตย์เดียวก็จัดให้ครบจำนวนวันเลย
นอกจากนี้ ควรมีกระเป๋าหรือเป้ใบเล็ก สำหรับแบ่งของใช้ส่วนตัวในการท่องเที่ยว รวมทั้งขนม น้ำดื่ม เพื่อความสะดวกด้วย ทรัพย์สิน มีค่าต่าง ๆ พวกเครื่องประดับ ขอให้เอาไปน้อยที่สุด อาจมีกระเป๋าคาดเอวเล็ก ๆ สำหรับใส่เงินหรือบัตรสำคัญ ๆ ต่างหาก ส่วนคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพก็ควรจัดเตรียมอุปกรณ์ให้เหมาะสม ทั้งที่ชาร์จแบตเตอรี การ์ดประเภทต่าง ๆ และไม่ควรวางกระเป๋ากล้องทิ้งไว้เด็ดขาด ต้องติดตัวไว้ตลอดเวลา
ข้อควรระวัง
การเดินทางแบบแบกเป้อาจทำให้เราขาดความสะดวกสบายไปบ้าง ดังนั้น ของใช้หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องไม่มากชิ้นจนเกินไป เพื่อการดูแลให้ทั่วถึง ไม่ควรไว้ใจใครง่าย ๆ ไม่ดื่มหรือกินของจากคนแปลกหน้า
หากต้องการออกไปเที่ยวในเวลากลางคืน ต้องระวังเป็นพิเศษ มีคู่มือท่องเที่ยวหรือแผนที่ไว้เสมอ และคำนวณระยะทางจากที่พัก หรือระยะเวลาการเดินทางไปยังแต่ละสถานที่ให้ดี ๆ
ที่มา : kapook
บางครั้งการไป เที่ยวในที่ไกล ๆ ที่คุณไม่คุ้นเคยกับเส้นทาง
ก็อาจเป็นการนำความเสี่ยงเข้ามาในชีวิตของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
เพราะอาจมีคนที่ไม่หวังดีกับคุณฉวยโอกาสเข้ามาขโมยทรัพย์สิน
หรืออาจถึงขั้นทำร้ายร่างกายของคุณได้
เพราะฉะนั้นเวลาออกไปเที่ยวที่ไหนก็ตาม ก็ควรจะดูแลตัวเองให้ดี
และรอบคอบอยู่ตลอดเวลา ด้วยการทำตามวิธีเที่ยวให้ปลอดภัยเหล่านี้
1. เก็บของมีค่าไว้ ไม่ให้ใครเห็น
ควรเลี่ยงการใส่พวกเครื่องประดับราคาแพง ไม่ว่าจะเป็นของแท้หรือของปลอม รวมถึงหลีกเลี่ยงการถืออุปกรณ์แพง ๆ จำพวกกล้องถ่ายรูปหรือไอแพดไปมาด้วย เพราะจะทำให้คุณกลายเป็นเป้าสายตาของเหล่ามิจฉาชีพ ที่หวังจะนำของเหล่านี้ไปขาย นอกจากนี้ ไม่ควรถือเงินสดจำนวนมากในที่สาธารณะนาน ๆ เมื่อต้องจ่ายเงินหรือได้รับเงินทอน ให้รีบเก็บลงกระเป๋าทันที จะได้ไม่มีใครหมายตาเงินของคุณ
2. เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นไปด้วย
อย่างแรกที่สำคัญที่สุด คือยาที่คุณต้องทานเป็นประจำ อย่าคิดว่าจะซื้อเมื่อไปถึงโรงแรม เพราะที่โน่นอาจไม่มียาที่คุณต้องการก็ได้ จะทำให้สุขภาพของคุณย่ำแย่เสียเปล่า ๆ นอกจากนี้ ควรพกของจิปาถะอื่น ๆ ที่อาจต้องใช้ในกรณีฉุกเฉินไปด้วย เช่น ไฟฉาย พลาสเตอร์ ยาแก้แฮงค์ และยากันยุง คุณจะได้พร้อมที่จะรับมือทุกสถานการณ์
3. รถที่ใช้เดินทางก็สำคัญ
หากคุณไม่ได้ไปด้วยรถของตัวเอง เวลาที่ใช้บริการแท็กซี่ ควรเลือกแท็กซี่ที่มีป้ายว่ามาจากศูนย์ไหนเป็นเรื่องเป็นราว ห้ามใช้บริการแท็กซี่ส่วนบุคคลเด็ดขาด เพราะถ้าหากเกิดปัญหาอะไรขึ้น คุณจะหาผู้รับผิดชอบไม่ได้ นอกจากนี้ ควรจำเลขทะเบียนก่อนขึ้นรถให้ดี ถ้าหากเลขทะเบียนที่เขียนอยู่ในรถไม่ตรงกับที่ท้ายรถ ควรลงจากรถทันที อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเลือกที่จะเช่ารถเพื่อการเดินทาง ก็ควรเช่าจากบริษัทที่มีชื่อเสียงเชื่อถือได้เท่านั้น และควรจอดรถในที่มีคนพลุกพล่าน ห้ามจอดรถในที่เปลี่ยวเด็ดขาด
4. เลือกห้องพักเพื่อความปลอดภัย
โรงแรมที่คุณพัก ควรเป็นโรงแรมที่ใช้คีย์การดในการเปิดประตูเท่านั้น นอกจากนี้ หากมีกลอนประตูให้ล็อคเสริมก็ควรล็อคเอาไว้ด้วย เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง ยิ่งไปกว่านั้น หากมีโอกาสก็ควรเลือกพักในห้องที่อยู่ติดกับบันได เผื่อในกรณีเกิดไฟไหม้ คุณจะได้สามารถหนีทางบันไดได้ทันที
5. ระวังคนแปลกหน้าเอาไว้
อย่ารับเครื่องดื่มหรือแชร์แท็กซี่กับคนแปลกหน้าเด็ดขาด แม้ว่าเขาจะดูไม่มีพิษภัยแค่ไหนก็ตาม เพราะเขาอาจเป็นมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาก็ได้ นอกจากนี้ หากพบเด็กหลงทางมาขอใหคุณช่วย ก็ควรนำเขาไปส่งตำรวจ แทนที่จะพาไปที่อยู่ตามป้ายชื่อที่แขวนเอาไว้ เพราะบางครั้งเด็กอาจถูกมิจฉาชีพจ้างวานมาโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ได้ ที่สำคัญอย่าพูดถึงข้อมูลส่วนตัวและที่อยู่รวมถึงเบอร์ห้อง ในระยะที่คนแปลกหน้าได้ยิน เพราะเขาอาจเป็นผู้ที่หวังใช้ประโยชน์จากข้อมูลของคุณก็ได้
6. โทรศัพท์มือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
หากว่าโทรศัพท์มือถือของคุณไม่สามารถใช้ได้ในต่างประเทศ คุณควรใช้บริการเช่าโทรศัพท์มือถือจากบริษัทที่ดูน่าเชื่อถือแทน เพราะคุณควรมีโทรศัพท์มือถือไว้ใช้ เพื่อโทรขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินต่าง ๆ นอกจากนี้ ควรพกของที่มีเสียงดัง เช่น นกหวีด เอาไว้ด้วย จะได้ใช้ในกรณีฉุกเฉินที่ไม่สามารถโทรศัพท์ออกไปหาใครได้
7. ควรระวังเป็นพิเศษในกรณีที่พาเด็กไปด้วย
บางครั้งเด็ก ๆ ก็อาจซุกซนจนหลงกับเราได้ง่าย ๆ เราจึงควรเตรียมอุปกรณ์ไว้เพื่อให้พร้อมที่จะรับมือในเวลาที่เด็กหลงทางกับ เรา ด้วยการให้ลูกสวมป้ายชื่อที่เขียนที่อยู่ของโรงแรมเอาไว้ด้วย ในขณะที่ออกไปข้างนอก ตำรวจจะได้สามารถนำเขามาส่งได้ถูก นอกจากนี้ คุณควรพกรูปถ่ายของเขาเอาไว้กับตัวด้วย จะได้สามารถถามคนรอบข้างได้ โดยไม่ต้องอธิบายลักษณะของเด็กมาก
8. การใช้ Social network ผิด ๆ อาจอันตรายกว่าที่คุณคิด
หลีกเลี่ยงการโพสต์ข้อความจำพวก ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ทำอะไร ตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง หรือไปกันกี่คน เพราะอาจทำให้คนที่ไม่หวังดี แอบตามคุณมาได้ นอกจากนี้ ยังทำให้สถาการณ์ที่บ้านของคุณไม่ปลอดภัยอีกด้วย เพราะมันเหมือนเป็นการบอกพวกโจรอ้อม ๆ ว่า ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน พวกเขาสามารถเข้าไปปล้นบ้านของคุณได้ตามใจชอบเลย
9. รับมือให้ถูกในกรณีที่โดนกระชากกระเป๋า
พยายามอย่าไปในที่เปลี่ยว เพราะที่นั่นมักจะมีโจรซุ่มรอคุณอยู่ โดยเฉพาะผู้หญิงทั้งหลายที่มักจะเป็นเป้าหมายในการขโมยกระเป๋าถือของพวกโจร เสมอ เพราะพวกเธอมักใช้กระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง ๆ และไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะต่อสู้ อย่างไรก็ตาม หากมีโจรที่มาพร้อมอาวุธมาขู่บังคับเอากระเป๋าของคุณ ควรให้เขาไปแต่โดยดีจะดีกว่า เพราะการเสียกระเป๋าย่อมดีกว่าการบาดเจ็บมากไปกว่านั้นแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น อย่าเสนอมอบเงินให้เขาแทน แล้วเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบเงินเด็ดขาด เพราะเขาจะคิดว่าคุณพยายามหยิบอาวุธจากกระเป๋ามาสู้กับเขาเสียมากกว่า และเขาจะตรงเข้าทำร้ายคุณทันที
10. บอกข้อมูลกับคนที่ไว้ใจได้ไว้ด้วย
ควรบอกข้อมูลของคุณกับใครสักคนที่คุณเชื่อใจ และไม่ได้มาเที่ยวกับคุณในครั้งนี้ด้วย ซึ่งสมาชิกในครอบครัวน่าจะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด ควรบอกที่อยู่โรงแรมและเบอร์ห้องที่คุณอยู่ รวมทั้งถ่ายเอกสารพาสปอร์ต บัตรเครดิต และบัตรประชาชนของคุณทิ้งไว้ให้เขาอย่างละใบ หากเกิดอะไรขึ้น จะได้มีคนที่รู้ควาเป็นไปของคุณ และสามารถสืบหากับตำรวจได้ถูก
จำ ไว้ว่าอย่าสนุกกับการเที่ยวมากจนลืมสังเกตสิ่งรอบข้างให้ดีนะคะ เพราะไม่ว่าอย่างไร ความปลอดภัยของเราก็ต้องมาก่อนทุกสิ่งเสมอ ดังนั้น ควรเชื่อในลางสังหรณ์ของตัวเอง และถ้าหากเห็นอะไรผิดสังเกตล่ะก็ พยายามอยู่ให้ห่างจากมันทันที
1. เก็บของมีค่าไว้ ไม่ให้ใครเห็น
ควรเลี่ยงการใส่พวกเครื่องประดับราคาแพง ไม่ว่าจะเป็นของแท้หรือของปลอม รวมถึงหลีกเลี่ยงการถืออุปกรณ์แพง ๆ จำพวกกล้องถ่ายรูปหรือไอแพดไปมาด้วย เพราะจะทำให้คุณกลายเป็นเป้าสายตาของเหล่ามิจฉาชีพ ที่หวังจะนำของเหล่านี้ไปขาย นอกจากนี้ ไม่ควรถือเงินสดจำนวนมากในที่สาธารณะนาน ๆ เมื่อต้องจ่ายเงินหรือได้รับเงินทอน ให้รีบเก็บลงกระเป๋าทันที จะได้ไม่มีใครหมายตาเงินของคุณ
2. เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นไปด้วย
อย่างแรกที่สำคัญที่สุด คือยาที่คุณต้องทานเป็นประจำ อย่าคิดว่าจะซื้อเมื่อไปถึงโรงแรม เพราะที่โน่นอาจไม่มียาที่คุณต้องการก็ได้ จะทำให้สุขภาพของคุณย่ำแย่เสียเปล่า ๆ นอกจากนี้ ควรพกของจิปาถะอื่น ๆ ที่อาจต้องใช้ในกรณีฉุกเฉินไปด้วย เช่น ไฟฉาย พลาสเตอร์ ยาแก้แฮงค์ และยากันยุง คุณจะได้พร้อมที่จะรับมือทุกสถานการณ์
3. รถที่ใช้เดินทางก็สำคัญ
หากคุณไม่ได้ไปด้วยรถของตัวเอง เวลาที่ใช้บริการแท็กซี่ ควรเลือกแท็กซี่ที่มีป้ายว่ามาจากศูนย์ไหนเป็นเรื่องเป็นราว ห้ามใช้บริการแท็กซี่ส่วนบุคคลเด็ดขาด เพราะถ้าหากเกิดปัญหาอะไรขึ้น คุณจะหาผู้รับผิดชอบไม่ได้ นอกจากนี้ ควรจำเลขทะเบียนก่อนขึ้นรถให้ดี ถ้าหากเลขทะเบียนที่เขียนอยู่ในรถไม่ตรงกับที่ท้ายรถ ควรลงจากรถทันที อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเลือกที่จะเช่ารถเพื่อการเดินทาง ก็ควรเช่าจากบริษัทที่มีชื่อเสียงเชื่อถือได้เท่านั้น และควรจอดรถในที่มีคนพลุกพล่าน ห้ามจอดรถในที่เปลี่ยวเด็ดขาด
4. เลือกห้องพักเพื่อความปลอดภัย
โรงแรมที่คุณพัก ควรเป็นโรงแรมที่ใช้คีย์การดในการเปิดประตูเท่านั้น นอกจากนี้ หากมีกลอนประตูให้ล็อคเสริมก็ควรล็อคเอาไว้ด้วย เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง ยิ่งไปกว่านั้น หากมีโอกาสก็ควรเลือกพักในห้องที่อยู่ติดกับบันได เผื่อในกรณีเกิดไฟไหม้ คุณจะได้สามารถหนีทางบันไดได้ทันที
5. ระวังคนแปลกหน้าเอาไว้
อย่ารับเครื่องดื่มหรือแชร์แท็กซี่กับคนแปลกหน้าเด็ดขาด แม้ว่าเขาจะดูไม่มีพิษภัยแค่ไหนก็ตาม เพราะเขาอาจเป็นมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาก็ได้ นอกจากนี้ หากพบเด็กหลงทางมาขอใหคุณช่วย ก็ควรนำเขาไปส่งตำรวจ แทนที่จะพาไปที่อยู่ตามป้ายชื่อที่แขวนเอาไว้ เพราะบางครั้งเด็กอาจถูกมิจฉาชีพจ้างวานมาโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ได้ ที่สำคัญอย่าพูดถึงข้อมูลส่วนตัวและที่อยู่รวมถึงเบอร์ห้อง ในระยะที่คนแปลกหน้าได้ยิน เพราะเขาอาจเป็นผู้ที่หวังใช้ประโยชน์จากข้อมูลของคุณก็ได้
6. โทรศัพท์มือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
หากว่าโทรศัพท์มือถือของคุณไม่สามารถใช้ได้ในต่างประเทศ คุณควรใช้บริการเช่าโทรศัพท์มือถือจากบริษัทที่ดูน่าเชื่อถือแทน เพราะคุณควรมีโทรศัพท์มือถือไว้ใช้ เพื่อโทรขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินต่าง ๆ นอกจากนี้ ควรพกของที่มีเสียงดัง เช่น นกหวีด เอาไว้ด้วย จะได้ใช้ในกรณีฉุกเฉินที่ไม่สามารถโทรศัพท์ออกไปหาใครได้
7. ควรระวังเป็นพิเศษในกรณีที่พาเด็กไปด้วย
บางครั้งเด็ก ๆ ก็อาจซุกซนจนหลงกับเราได้ง่าย ๆ เราจึงควรเตรียมอุปกรณ์ไว้เพื่อให้พร้อมที่จะรับมือในเวลาที่เด็กหลงทางกับ เรา ด้วยการให้ลูกสวมป้ายชื่อที่เขียนที่อยู่ของโรงแรมเอาไว้ด้วย ในขณะที่ออกไปข้างนอก ตำรวจจะได้สามารถนำเขามาส่งได้ถูก นอกจากนี้ คุณควรพกรูปถ่ายของเขาเอาไว้กับตัวด้วย จะได้สามารถถามคนรอบข้างได้ โดยไม่ต้องอธิบายลักษณะของเด็กมาก
8. การใช้ Social network ผิด ๆ อาจอันตรายกว่าที่คุณคิด
หลีกเลี่ยงการโพสต์ข้อความจำพวก ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ทำอะไร ตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง หรือไปกันกี่คน เพราะอาจทำให้คนที่ไม่หวังดี แอบตามคุณมาได้ นอกจากนี้ ยังทำให้สถาการณ์ที่บ้านของคุณไม่ปลอดภัยอีกด้วย เพราะมันเหมือนเป็นการบอกพวกโจรอ้อม ๆ ว่า ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน พวกเขาสามารถเข้าไปปล้นบ้านของคุณได้ตามใจชอบเลย
9. รับมือให้ถูกในกรณีที่โดนกระชากกระเป๋า
พยายามอย่าไปในที่เปลี่ยว เพราะที่นั่นมักจะมีโจรซุ่มรอคุณอยู่ โดยเฉพาะผู้หญิงทั้งหลายที่มักจะเป็นเป้าหมายในการขโมยกระเป๋าถือของพวกโจร เสมอ เพราะพวกเธอมักใช้กระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง ๆ และไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะต่อสู้ อย่างไรก็ตาม หากมีโจรที่มาพร้อมอาวุธมาขู่บังคับเอากระเป๋าของคุณ ควรให้เขาไปแต่โดยดีจะดีกว่า เพราะการเสียกระเป๋าย่อมดีกว่าการบาดเจ็บมากไปกว่านั้นแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น อย่าเสนอมอบเงินให้เขาแทน แล้วเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบเงินเด็ดขาด เพราะเขาจะคิดว่าคุณพยายามหยิบอาวุธจากกระเป๋ามาสู้กับเขาเสียมากกว่า และเขาจะตรงเข้าทำร้ายคุณทันที
10. บอกข้อมูลกับคนที่ไว้ใจได้ไว้ด้วย
ควรบอกข้อมูลของคุณกับใครสักคนที่คุณเชื่อใจ และไม่ได้มาเที่ยวกับคุณในครั้งนี้ด้วย ซึ่งสมาชิกในครอบครัวน่าจะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด ควรบอกที่อยู่โรงแรมและเบอร์ห้องที่คุณอยู่ รวมทั้งถ่ายเอกสารพาสปอร์ต บัตรเครดิต และบัตรประชาชนของคุณทิ้งไว้ให้เขาอย่างละใบ หากเกิดอะไรขึ้น จะได้มีคนที่รู้ควาเป็นไปของคุณ และสามารถสืบหากับตำรวจได้ถูก
จำ ไว้ว่าอย่าสนุกกับการเที่ยวมากจนลืมสังเกตสิ่งรอบข้างให้ดีนะคะ เพราะไม่ว่าอย่างไร ความปลอดภัยของเราก็ต้องมาก่อนทุกสิ่งเสมอ ดังนั้น ควรเชื่อในลางสังหรณ์ของตัวเอง และถ้าหากเห็นอะไรผิดสังเกตล่ะก็ พยายามอยู่ให้ห่างจากมันทันที
ปลาย ปีแบบนี้อากาศเป็นใจ และยังเป็นช่วงเทศกาลหยุดยาว สาว ๆ
คนไหนวางแผนไปเที่ยวล่ะก็ ฝากข้อคิดเตือนใจให้ระมัดระวัง
เวลาคิดจะเช่าห้องตามโรงแรมหรือรีสอร์ตต่าง ๆ นะคะ
1. ผู้หญิงเราต้องระวังตัวให้ดี นอนก็ต้องล็อกกลอนประตูแบบโซ่หรือแบบเลื่อน อย่าล็อกเพียงลูกบิดเด็ดขาด
2. อย่านำของมีค่าไว้ในห้องขณะที่เราไม่ได้อยู่ในห้อง เพราะส่วนใหญ่โจรก็จะมีกุญแจสำรอง หรือไม่ก็งัดประตูเข้าไปอย่างง่ายดาย ใช้เวลาเพียงแป๊บเดียวก็เสร็จมันละ แถมบางครั้งมีผู้เสียหายบางคนเสียทั้งเงินเสียทั้งตัว ไม่คุ้มกันเลยกับความเผอเรอเพียงชั่วคราว
3. ควรเลือกโรงแรมหรือที่พัก ให้มีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง เช่น มี รปภ. มีกล้องวงจรปิด
4. ถ้าหากไม่รู้จักที่พักนี้ ควรสังเกตดูว่ามีคนอื่นพักอาศัยหรือไม่ ถ้าไม่มีคนมาพักก็อย่าไปพักเลย เพราะอาจจะมีเหตุผลที่ทำไมคนอื่นถึงไม่มาพักก็ได้
ที่มา : kapook
1. ผู้หญิงเราต้องระวังตัวให้ดี นอนก็ต้องล็อกกลอนประตูแบบโซ่หรือแบบเลื่อน อย่าล็อกเพียงลูกบิดเด็ดขาด
2. อย่านำของมีค่าไว้ในห้องขณะที่เราไม่ได้อยู่ในห้อง เพราะส่วนใหญ่โจรก็จะมีกุญแจสำรอง หรือไม่ก็งัดประตูเข้าไปอย่างง่ายดาย ใช้เวลาเพียงแป๊บเดียวก็เสร็จมันละ แถมบางครั้งมีผู้เสียหายบางคนเสียทั้งเงินเสียทั้งตัว ไม่คุ้มกันเลยกับความเผอเรอเพียงชั่วคราว
3. ควรเลือกโรงแรมหรือที่พัก ให้มีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง เช่น มี รปภ. มีกล้องวงจรปิด
4. ถ้าหากไม่รู้จักที่พักนี้ ควรสังเกตดูว่ามีคนอื่นพักอาศัยหรือไม่ ถ้าไม่มีคนมาพักก็อย่าไปพักเลย เพราะอาจจะมีเหตุผลที่ทำไมคนอื่นถึงไม่มาพักก็ได้
ที่มา : kapook
จังหวัดเลย และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเลย ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมอีกหนึ่งกิจกรรมของ “หนาวนี้ใจเดียว เที่ยวเมืองเลย…เทศกาลต้นคริสต์มาสภูเรือ ครั้งที่ 1″ ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556 ณ ลานคริสต์มาสภูเรือ (ทางขึ้นอุทยานแห่งชาติภูเรือ) อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย
โดย นางสาวยุพา ปานรอด ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเลย กล่าวว่า อำเภอภูเรือ มีอากาศหนาวเย็นเกือบทั้งปี อีกทั้งยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด และพืชเมืองหนาวที่ใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะ “ต้นคริสต์มาส” ซึ่งจังหวัดเลยเป็นพื้นที่ผลิตและจำหน่ายต้นคริสต์มาสที่ใหญ่ที่สุดในไทยและ ในโลก โดยปีที่ผ่านมาขายได้ 2.5 ล้านต้นต่อปี สร้างรายได้ปีละประมาณ 60 – 100 ล้านบาท และหลังจัดงานนี้ตั้งเป้าหมายว่า ยอดจำหน่ายต้นคริสต์มาสจะเพิ่มเป็น 3.5 ล้านต้นต่อปี และผลักดันให้เลยเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องต้นคริสต์มาส สามารถเพิ่มรายได้ให้กับคนในพื้นที่
สำหรับ กิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ การจดทะเบียนสมรสท่ามกลางทุ่งคริสต์มาส, Street Show (BOZO ขายาว/BOZO เป่าลูกโป่ง) ร่วมถ่ายรูปกับ Mascot “น้องคริสต์มาส” การจัดนิทรรศการของหน่วยงาน การออกร้านไม้ดอกไม้ประดับ และอาหารต่าง ๆ รวมทั้งกิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรม
นอกจากนี้ ในช่วงฤดูท่องเที่ยวยังมีอีก 2 งาน ได้แก่…
1. งาน “เทศกาลหน้ากาก” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 – 1 มกราคม พ.ศ. 2556 ณ บริเวณสนามกีฬาหน้าเทศบาลเมืองเลย เป็นกิจกรรมรื่นเริงรับเทศกาลท่องเที่ยวฤดูหนาวให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือน ได้เข้าร่วมกิจกรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประกอบด้วย ขบวนแห่หน้ากากนานาชาติ เช่น หน้ากากผีตาโขน, หน้ากากผีขนน้ำ, หน้ากากจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีวัฒนธรรมหน้ากากคล้ายกัน, นิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับหน้ากาก, การออกร้านจำหน่ายสินค้า การแสดงเกี่ยวกับหน้ากาก
2. งาน “เทศกาลไม้ดอกเมืองหนาว” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2555 – 3 มกราคม พ.ศ. 2556 ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอภูเรือ ภายในงานจะมีการตกแต่งบรรยากาศทั้งอำเภอภูเรือ ด้วยดอกไม้ฤดูหนาว รวมทั้งการจำหน่ายต้นไม้ดอกไม้ประดับตลอดเส้นทาง
ที่มา : kapook
โดย นางสาวยุพา ปานรอด ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเลย กล่าวว่า อำเภอภูเรือ มีอากาศหนาวเย็นเกือบทั้งปี อีกทั้งยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด และพืชเมืองหนาวที่ใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะ “ต้นคริสต์มาส” ซึ่งจังหวัดเลยเป็นพื้นที่ผลิตและจำหน่ายต้นคริสต์มาสที่ใหญ่ที่สุดในไทยและ ในโลก โดยปีที่ผ่านมาขายได้ 2.5 ล้านต้นต่อปี สร้างรายได้ปีละประมาณ 60 – 100 ล้านบาท และหลังจัดงานนี้ตั้งเป้าหมายว่า ยอดจำหน่ายต้นคริสต์มาสจะเพิ่มเป็น 3.5 ล้านต้นต่อปี และผลักดันให้เลยเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องต้นคริสต์มาส สามารถเพิ่มรายได้ให้กับคนในพื้นที่
สำหรับ กิจกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ การจดทะเบียนสมรสท่ามกลางทุ่งคริสต์มาส, Street Show (BOZO ขายาว/BOZO เป่าลูกโป่ง) ร่วมถ่ายรูปกับ Mascot “น้องคริสต์มาส” การจัดนิทรรศการของหน่วยงาน การออกร้านไม้ดอกไม้ประดับ และอาหารต่าง ๆ รวมทั้งกิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรม
นอกจากนี้ ในช่วงฤดูท่องเที่ยวยังมีอีก 2 งาน ได้แก่…
1. งาน “เทศกาลหน้ากาก” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555 – 1 มกราคม พ.ศ. 2556 ณ บริเวณสนามกีฬาหน้าเทศบาลเมืองเลย เป็นกิจกรรมรื่นเริงรับเทศกาลท่องเที่ยวฤดูหนาวให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือน ได้เข้าร่วมกิจกรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประกอบด้วย ขบวนแห่หน้ากากนานาชาติ เช่น หน้ากากผีตาโขน, หน้ากากผีขนน้ำ, หน้ากากจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีวัฒนธรรมหน้ากากคล้ายกัน, นิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับหน้ากาก, การออกร้านจำหน่ายสินค้า การแสดงเกี่ยวกับหน้ากาก
2. งาน “เทศกาลไม้ดอกเมืองหนาว” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2555 – 3 มกราคม พ.ศ. 2556 ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอภูเรือ ภายในงานจะมีการตกแต่งบรรยากาศทั้งอำเภอภูเรือ ด้วยดอกไม้ฤดูหนาว รวมทั้งการจำหน่ายต้นไม้ดอกไม้ประดับตลอดเส้นทาง
ที่มา : kapook
ประเพณีแห่ผีตาโขนจัดเป็นส่วนหนึ่งในงานบุญประเพณีใหญ่ หรือที่เรียกว่า “งานบุญหลวง” หรือ “บุญผะเหวด” ซึ่งตรงกับเดือน 7 มีขึ้นที่อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และจัดเป็นการละเล่นที่ถือเป็นประเพณีทุกปี เกี่ยวโยงกับ งานบุญพระเวสหรือเทศน์ มหาชาติ ประจำปีกับพระธาตุศรีสองรัก ปูชนียสถานสำคัญของชาวด่านซ้าย สำหรับในปีนี้ ประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน ประจำปี 2555 ขึ้นใน วันที่ 22-24 มิ.ย.2555 โดยขบวนแห่ผีตาโขน จะจัดขึ้นใน วันที่ 23 มิถุนายน 2555 บริเวณวัดโพนชัยและหน้าที่ ว่าการอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลยงานบุญหลวง ประเพณผีตาโขนของอำเภอด่านซ้ายจังหวัดเลย เป็นประเพณีสำคัญ เพราะอยู่ใน สิบสองเดือนสี่งานบุญผะเหวด (พระเวส)แหผีตาโขนแม้จะมีเล่นในอีสานถิ่นอื่นบ้าง แต่ที่วัดโพนชัย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เป็นที่รู้จักและ จะยังคงอยู่คู่กับ “พระธาตุศรีสองรัก” ตลอดไป
กล่าวกันว่า การแห่ผีตาโขนเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระเวสสันดรและนางมัทรีจะเดินทางออกจาก ป่ากลับสู่เมือง บรรดา ผีป่าหลายตนและสัตว์นานาชนิดอาลัยรักจึงพาแห่แหนแฝงตัวแฝงตน มากับชาวบ้านเพื่อมาส่งทั้งสอง พระองค์ กลับ เมือง “ผีตามคน” หรือ “ผีตาขน” จนกลายมาเป็น “ผีตาโขน” อย่างในปัจจุบัน
การละเล่นผีตาโขน
เนื่องจากงานประเพณีผีตาโขนเป็นงานบุญใหญ่ซึ่งเรียกกันว่างานบุญหลวง จัดขึ้นที่วัดโพนชัย อ.ด่านซ้าย โดยมี การละเล่นผีตาโขน มีการเทศน์มหาชาติมีการทำบุญพระธาตุศรีสองรักและงานบุญต่างๆเข้ามาผสมอยู่ รวมๆกัน จึงมีการจัดงานกัน 3 วัน
- วันแรก เริ่มพิธีตอนเช้า 04.00-05.00 น. คณะแสนหรือข้าทาสบริวารของเจ้าพ่อกวนจะนำอุปกรณ์ มีด ดาบ หอก ฉัตร พานดอกไม้ ธูปเทียน ขันห้าขันแปด(พานดอกไม้ 5 คู่ หรือ 8 คู่) ถือเดินนำขบวนไปที่ริมแม่น้ำหมัน เพื่อ นิมนต์พระอุปคุตต์ พระผู้มีฤทธานุภาพมาก และมักเนรมิตกายอยู่ในมหาสมุทร เพื่อป้องกันภัยอันตราย และให้ เกิดความสุข สวัสดี เมื่อถึงแล้วผู้อันเชิญต้องกล่าวพระคาถาและให้อีกคนลงไปในน้ำ งมก้อนหินใต้น้ำขึ้นมาถาม ว่า “ใช่พระอุปคุตต์หรือไม่” ผู้ที่ยืนอยู่บนฝั่งตอบว่า “ไม่ใช่” พอก้อนหินก้อนที่ 3 ให้ตอบว่า “ใช่ นั่นแหละ พระอุปคุตต์ที่แท้จริง” เมื่อได้พระอุปคุตต์มาแล้ว ก็นำใส่พาน แล้วนำขบวนกลับที่หอพระอุปคุตต์ ทำการ ทักขิณาวัฏ 3 รอบ มีการยิงปืนและจุดประทัดซึ่งช่วงเวลานั้นบรรดาผีตาโขนที่นอนหลับหรือ อยู่ตามที่ต่างๆก็จะมา ร่วม ขบวนด้วยความยินดีปรีดา เต้นรำ เข้าจังหวะกับเสียงหมากกระแร่ง ซึ่งเป็นกระดิ่งผูกคอวัวหรือกระดิ่งให้ดัง เสียงดัง
- วันที่สอง เป็นพิธีแห่พระเวส ในขบวนประกอบด้วย พระพุทธรูป 1 องค์ พระสงฆ์ 4 รูป นั่งบนแคร่หามตามด้วย
เจ้าพ่อกวน นั่งอยู่บนกระบอกบั้งไฟ ท้ายขบวนเป็นเจ้าแม่นางเทียม กับบริวาร ชาวบ้าน และเหล่าผีตาโขน เดินตาม
เสด็จไปรอบเมือง ก่อนตะวันตกดิน สำหรับคนที่เล่นเป็นผีตาโขนใหญ่ ต้องถอดเครื่องแต่งกายผีตาโขนใหญ่ออก ให้หมดและนำไปทิ้งในแม่น้ำหมัน ห้ามนำเข้าบ้าน เป็นการทิ้งความทุกข์ยากและสิ่งเลวร้ายไป รอจนปีหน้าฟ้าใหม่ แล้วค่อยทำเล่นกันใหม่
- วันที่สาม เป็นการรวมเอางานบุญประเพณีประจำเดือนต่างๆของปีมารวมกันจัดในงานบุญหลวง ประชาชนจะมานั่ง
ฟังเทศน์มหาชาติ 13 กัณฑ์ ที่วัดโพนชัย เพื่อเป็นการสร้างกุศลและเป็นมงคลแก่ชีวิตแก่ชีวิต
ที่มา : paiduaykan
อำเภอชะอำ เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี
มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายโดยเฉพาะชายหาดชะอำ ซึ่งมีหาดทรายขาว ยาว
และยังเป็นแหล่งเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญ
ซึ่งเป็นรายได้ให้กับด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ธุรกิจการโรงแรม
ธุรกิจการค้าของที่ระลึก ร้านอาหาร การประมง เป็นต้น
นอกจากนี้ชะอำยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากชาวไทยและชาว
ต่างประเทศในระดับต้น ๆ ของประเทศไทย
แม้จะมีบางช่วงที่หาดชะอำจะมีนักท่องเที่ยวบางตาลงไปบ้างเนื่องจากเป็นช่วง
มรสุม แต่หลังจากที่เทศบาลเมืองชะอำ โดย นายนุกูล พรสมบูรณ์ศิริ
นายกเทศมนตรีเมืองชะอำ ได้ริเริ่มให้มีการจัดงานเทศกาลท่องเที่ยว
เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามายังชะอำในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว
ภายใต้ชื่องาน “เทศกาลกินหอย ดูนก ตกหมึก” ซึ่งจัดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.
2542 โดยไฮไลต์ของงานได้บรรจุกิจกรรมพานักท่องเที่ยวออกทะเลตกหมึก
ถือเป็นครั้งแรกในเมืองไทย จนได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
และได้จัดต่อเนื่องมาทุกปีจนเป็นงานเทศกาลท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากคน
ทั้งประเทศแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเข้าร่วมงาน เทศกาลกินหอย
ดูนก ตกหมึก เป็นจำนวนมาก อย่างปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานกว่า
35,000 คน ดังนั้นงานเทศกาลกินหอย ดูนก ตกหมึก
จึงเป็นงานเทศกาลที่นักท่องเที่ยวและสื่อทางการท่องเที่ยวทั่วประเทศให้ความ
สนใจติดตามมาโดยตลอด
ช่วงปลายปีถึงต้นปีแบบนี้เป็นฤดูที่ดอกทานตะวันกำลังบานสะพรั่งรับแสง อาทิตย์เลยเชียวล่ะ ก็เลยไม่แปลกใจที่สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอย่าง “ทุ่งทานตะวัน” ในจังหวัดสระบุรี และลพบุรี จะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ เพราะเหมือนกับว่าดอกทานตะวันกำลังยิ้มแย้มเบิกบานต้อนรับการมาเยือนของนัก ท่องเที่ยวที่อยากแชะภาพงาม ๆ ตัดกับสีเหลืองอร่ามเจิดจ้าของดอกทานตะวันอย่างไรอย่างนั้น
แหม…แค่คิดก็อยากจะไปถ่ายภาพเก็บไว้บ้างแล้วใช่ไหมล่ะ
แต่ถ้าใครไม่มีเวลามากพอที่จะไปสัมผัสความงามของทุ่งทานตะวันถึงต่างจังหวัด
ล่ะก็ ลองขับรถออกไปแถวถนนเกษตร-นวมินทร์ ดูสิจ๊ะ
เพราะที่นี่ก็มีทุ่งทานตะวันงาม ๆ
ที่กำลังผลิบานรับแสงอาทิตย์กับเขาเหมือนกัน
แถมยังได้รับความนิยมจากชาวกรุงแวะเวียนเข้าไปเก็บภาพกันเพียบ